“ไปย้ำโบ”
คำพูดติดปากของสาวๆหลายๆคนที่ต้องไปเติมโบท็อกซ์หลังจากผ่านะระยะเวลามาตามสมควร แต่ทราบไหมคะว่าการที่โบทูลินุ่มท๊อกซินอยู่ได้นานน้อยลง อาจจะเป็นหนึ่งสาเหตุที่หน้าของเราเริ่ม #ดื้อโบทูลินุ่มท๊อกซิน
ดื้อโบทูลินุ่มท๊อกซินเกิดจากอะไร
ดื้อโบท็อกมีสาเหตุมาจากการฉีโบทูลินุ่มท๊อกซิน ที่มีความไม่บริสุทธ์เพียงพอหรือเรียกง่ายๆคือไม่มีคุณภาพนั่นเองจ้า ทำให้ร่างกายของเราสร้างภูมิคุ้มกันสิ่งแปลกปลอมขึ้นมา จนในที่สุด ฉีดไปมากแค่ไหนหน้าก็ไม่เล็ก ริ้วรอยก็ไม่ลด เจอแบบนี้เศร้าเลย
โบทูลินุ่มท๊อกซิน หรือ โบท็อกซ์ ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ
- เนื้อยา (ส่วนที่เราต้องการให้ออกผล) = เรียกส่วนนี้ว่า “Pure Protein หรือ Core Protein” >>> ยิ่งเยอะ ยิ่งออกฤทธิ์ได้ดี
- น้ำ และ สิ่งเจือปนอื่นๆ (เป็นส่วนที่เราไม่ต้องการ) = เรียกส่วนนี้ว่า “Complexing Protein หรือ Antigen Protein” >>> ยิ่งเยอะ ยิ่งไม่ดี ทำให้ร่างกายสร้างภูมิขึ้นกันขึ้นมาทำลาย และเกิดภาวะดื้อโบตามมาได้ ซึ่งโบท็อกซ์แต่ละชนิด(หรือแบรนด์) จะมีความต่างกันที่ complexing protein โดยจะมีส่วนประกอบของ complexing protein ที่รูปร่างและน้ำหนักแตกต่างกันออกไป ดังนั้น ร่างกายก็จะจดจำแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแบรนด์บ่อยๆมีโอกาสทำให้ได้รับ complexing protein ที่เยอะขึ้น โอกาสดื้อยาก็จะเยอะขึ้นด้วย
ดื้อโบทูลินุ่มท๊อกซินเช็คยังไง
1. สังเกตอาการตัวเองหลังฉีดโบทูลินุ่มท๊อกซิน ระยะเวลาของโบท็อกซ์บนหน้าของเราสั้นลง เช่น ปกติริ้วรอยของเราจะเริ่มกลับมาในเดือนที่ 5 แต่ลดลงมาอยู่ที่เดือนที่ 3 นั่นเอง และลดลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดการฉีดโบท็อกซ์ไม่ได้ผลอีกต่อไป หรืออาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้ (เช่น ริ้วรอยไม่หาย ขนาดกรามไม่ลดลง)
2. ฉีดแล้วไม่เห็นผล จนต้องเพิ่มปริมาณ เช่น ปกติเราจะฉีดโบท็อกซ์กรามที่ 50 ยูนิต แต่ต้องเพิ่มขึ้นเป็น 60-70 ยูนิต ก็เป็นอีกหนึ่งข้อของอาการดื้อโบทูลินุ่มท๊อกซินจ้า
[row_inner_4] [col_inner_4 span__sm=”12″] [row_inner_5] [col_inner_5 span=”6″ span__sm=”12″]ควรระวังยาปลอมหรือตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน (เช่น ยาหิ้ว ยาปลอม ยาที่ไม่มีอย. มักพบกรณีที่ราคายาถูกมากจนผิดสังเกต ไม่ยอมโชว์ตัวยาก่อนฉีด ไม่ให้ดูกล่องยาหรือตรวจสอบเลข อย.ก่อนฉีดจริง) มักมีสารปนเปื้อนสูง ทำให้ฉีดแล้วไม่เห็นผล
แต้ถ้ามั่นใจแล้วว่าเป็นยาแท้และปริมาณที่ฉีดถูกต้อง
- สามารถทำการทดสอบได้โดยให้แพทย์ฉีดหน้าผากหรือจุดที่มีริ้วรอยเพียงฝั่งเดียว และรอดูผลลัพธ์หลังจากนั้นอีก 2 สัปดาห์ หากริ้วรอยไม่หายไปแสดงว่ามีภาวะดื้อโบท็อกซ์ (Frontalis test)
- ส่งผลเลือดตรวจซึ่งมี 2 Test คือ
- Test 1 สำหรับตรวจดูว่าคนไข้มีความเสี่ยงดื้อโบทูลินุ่มท๊อกซินไหม
- Test 2 สำหรับตรวจคนไข้ที่ดื้อนั้นว่ายังสามารถตอบสนองต่อ Pure toxin ได้หรือไม่ โดยตรวจหาภูมิคุ้นกัน (Antibody) ต่อ complexing protein ในเลือดคนไข้
ดื้อโบทูลินุ่มท๊อกซินทำไงดี?
หากพบว่าตนเองมีอาการดื้อโบทูลินุ่มท๊อกซินต้องเปลี่ยนยี่ห้อ หรือหยุดฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี หรือถ้าร้ายแรงสุดๆอาจต้องหยุดฉีดตลอดชีวิต ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์ด้วยนะคะ
ถึงแม้ว่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่สาวๆคนเศร้าไม่น้อยที่กรามจะกลับมาเด้ง รอยย่นบนหน้าก็จะกลับมา ดังนั้นเลือกฉีดโบทูลินุ่มท๊อกซินจากคลินิกที่ได้มาตรฐาน และมั่นใจได้ว่าเราจะได้รับโบทูลินุ่มท๊อกซินของแท้ด้วยน้า
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดภาวะดื้อโบทูลินุ่มท๊อกซิน
- ใช้โบทูลินุ่มท๊อกซินที่ปราศจากคอมเพล็กซิ่งโปรตีน หรือ โบบริสุทธิ์ (Purified Toxin product) ซึ่งปัจจุบันมีเพียง โบเจนใหม่ของเยอรมัน
- ไม่ควรเปลี่ยนยี่ห้อโบทูลินุ่มท๊อกซินบ่อยเกินไป
- ฉีดปริมาณ (โดส) ที่เหมาะสม
- หากจะฉีดในครั้งต่อไป ควรเว้นระยะห่างจากการฉีดครั้งแรก อย่างน้อย 90 วัน (3 เดือน)
- ควรเลือกฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ และ จากสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ และ ไม่ได้ผลลัพธ์เท่าที่ควรจะเป็น
- เลือกใช้ตัวยาที่ได้มาตรฐาน ผ่าน อย.ไทย ควรระวัง ยาหิ้ว ยาปลอม ยาที่ไม่มีอย. ไทย ซึ่งจุดสังเกตคือ ราคายาถูกมากจนผิดสังเกต ไม่ยอมโชว์ตัวยาก่อนฉีด ไม่ให้ดูกล่องยาหรือตรวจสอบเลข อย.ก่อนฉีดจริง ทางที่ดีควรเช็คกับบริษัทผู้นำเข้าก่อนฉีด โดยแต่ละยี่ห้อมักจะมีตัวแทนผู้จำหน่ายเพียงรายเดียวต่อแบรนด์ในประเทศ
cosmoclinic ได้รับรางวัลคลินิกที่มียอดสั่งซื้อBotulinumToxin สูงสุดระดับประเทศ
References
- Resistance to โบทูลินุ่มท๊อกซิน in Aesthetics By Sebastián Torres Farr Submitted: June 13th 2017Reviewed: September 6th 2017Published: December 20th 2017 DOI: 10.5772/intechopen.70851
- Xeomin® Webinar: Role of Anti-Complexing Protein Antibody in Secondary BONT-A Treatment Failure in Cosmetic Indication