รอยแผลเป็นจากสิว acne scar มีกี่ชนิด
รอยแผลเป็นจากสิว acne scar มีทั้งแบบ
- รอยแผลเป็นหลุม (atrophic scars) และ
- รอยแผลเป็นนูน (hypertrophic scars)
โดยแผลเป็นจากสิวมักเป็นแผลเป็นหลุมมากกว่าแผลเป็แบบนูน
หลุมสิว หรือ รอยแผลเป็นแบบหลุม (atrophic scars) แบ่งได้อีก 3 กลุ่มย่อยตามลักษณะ คือ
1. หลุมสิวแบบกล่อง (boxcar scar) ลักษณะเหลี่ยม หรือออกกลมรีได้ ปากขอบและฐานขนาดใกล้เคียงกัน ขอบเขตชัด ขนาดประมาณ 3-4 mm2.หลุมสิวแบบจิก (icepick scar) พบได้มากที่สุดขนาดแคบ น้อยกว่า 2 mm ลึก ขอบชัด ก้นของหลุมจะแหลม ลักษณะคล้ายตัว V โดยหลุมสิวชนิดนี้จะตอบสนองต่อการรักษาได้น้อยที่สุด3. หลุมสิวแบบคลื่น (rolling scars) รอยแผลเป็นหลุมจากสิวที่มีลักษณะกว้าง และตื้น คล้ายกระทะ เกิดจากสิวอักเสบขนาดใหญ่ที่เกิดการยุบตัวลงของผิวเกิดจากการดึงรั้งของพังผืด ซึ่งมักจะเป็นลึกตั้งแต่ชั้นหนังแท้ จนถึงชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งทำให้ความรุนแรงของหลุมสิวมากน้อยแตกต่างกัน
การรักษา
- Subcision ตัดพังผืด ซึ่งมีหลายเทคนิคเช่น การใช้เข็มขนาดใหญ่ การใช้เข็มชนิดพิเศษที่มีลักษณะคล้ายใบมีดตัดพังผืด หรือใช้เข็มปลายทู่ที่เรียกว่า blunt cannula ในการตัดพังผืด เทคนิคนี้ อาจจะทำให้เกิดรอยช้ำได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ตัวอย่างการทำ subcision
- การใช้สารเติมเต็ม Dermal filler ช่วยเติมเต็มในหลุมสิว คอสโมคลินิกแนะนำ 2 ยี่ห้อคือ Restylane vitallight และ Juvederm Voliteในการเติมหลุมสิว ซึ่งสามารถอยู่ได้นาน 1 ปี
- Dermabrasion การกรอผิว
- Microneedling โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า dermapen ซึ่งเป็นปากกาปลายเข็ม ตัวเข็มจะสามารถลงไปตัดพังผืดใต้ผิวหนังได้ สามารถทำคู่กับ PRP หรือ สารจำพวก non cross link hyaluronic acid
- การใช้เลเซอร์ Laser Resurfacing
- การใช้คลื่นวิทยุ Radiofrequency RF
- การใช้แสงเลเซอร์ความเข้มข้นต่ำ LLLT หรือ Low level light therapy ในการดูแล หลังจากการรักษาหลุมสิวด้วย เลเซอร์ เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผิวซ่อมแซมตัวเองได้เร็วขึ้น และเสริมประสิทธิภาพการรักษา ลดรอยแดง ลดการอักเสบของผิว