เคยไหม เวลาได้ยินคำว่า ไฮยาลูรอน แล้วรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ดูทันสมัย ฟังแล้วน่าใช้ แต่พอลองหาข้อมูลกลับเจอทั้งคำชมและคำเตือนจนไม่รู้จะเชื่อใครดี หลายคนอาจสงสัยว่าไฮยาลูรอนคืออะไร ใช้แล้วดีจริงหรือเปล่า และที่สำคัญ มันปลอดภัยหรือไม่? ไฮยาลูรอนมีชื่อเสียงจากคุณสมบัติที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและการฟื้นฟูผิว และยังถูกนำมาใช้ในโปรแกรมฟิลเลอร์ที่มีจุดประสงค์เพื่อเติมเต็มส่วนต่างๆ ของใบหน้า แต่เพราะเป็นสิ่งที่ต้องเข้าสู่ร่างกาย หลายคนจึงมีคำถามตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เช่น ไฮยาลูรอนอันตรายไหม ? หรือ ถ้าฉีดแล้วจะมีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า? บทความนี้จาก คลินิกปลูกผม Cosmoprime Clinic จะพาคุณไปดูคำตอบ ไฮยาลูรอน อันตรายไหม พร้อมแนะนำแนวทางการเลือกใช้ไฮยาลูรอนอย่างปลอดภัย เพื่อให้คุณมั่นใจทั้งก่อนและหลังเข้ารับบริการ
ไฮยาลูรอน คืออะไร?
ไฮยาลูรอน หรือชื่อเต็มว่า Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะบริเวณผิวหนัง ข้อต่อ และดวงตา หน้าที่สำคัญของมันคือการกักเก็บความชุ่มชื้นและช่วยคงสภาพผิวให้ดูอิ่มน้ำ เต่งตึง และดูเรียบเนียน ในวงการความงาม ไฮยาลูรอนถูกนำมาใช้หลายรูปแบบ ตั้งแต่สกินแคร์ทั่วไป ไปจนถึง โปรแกรมฟิลเลอร์ ที่เป็นการเติม HA เข้าไปใต้ชั้นผิวเพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง เช่น ร่องแก้ม คาง ขมับ หรือใต้ตา
ไฮยาลูรอน อันตรายไหม ?
แม้ว่าโดยทั่วไป ไฮยาลูรอนจะถือเป็นสารที่ปลอดภัย และสามารถสลายไปเองได้ในกระบวนการของร่างกาย แต่ความปลอดภัยนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น
- แหล่งที่มาของไฮยาลูรอน
- รูปแบบการใช้ เช่น ทา หรือฉีด
- ความสะอาดของอุปกรณ์
- ความรู้ความเข้าใจของผู้ให้บริการ
- การตอบสนองของร่างกายผู้รับการดูแล
หากได้รับไฮยาลูรอนที่ผลิตจากแหล่งที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดโดยผู้ที่ไม่มีความรู้เพียงพอ ความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้นทันที ไม่ว่าจะเป็นอาการบวมผิดปกติ ติดเชื้อ หรือในบางรายอาจถึงขั้นอุดตันของเส้นเลือด
กรณีที่ทำให้ไฮยาลูรอน อันตราย
- ได้รับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ อาจมีสารเจือปนที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือสารที่ไม่สามารถสลายได้
- ทำกับผู้ให้บริการที่ไม่ใช่แพทย์ผู้ชำนาญการ
แม้ว่าไฮยาลูรอนจะมีคุณสมบัติที่ดี แต่การฉีดเข้าไปในร่างกายต้องอาศัยความเข้าใจทางกายวิภาค เช่น ตำแหน่งของเส้นเลือดและชั้นผิว การฉีดผิดตำแหน่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น ตาบอดหรือเนื้อตายได้ - การแพ้ไฮยาลูรอน
แม้จะพบได้น้อย แต่มีบางรายที่อาจเกิดอาการแพ้ไฮยาลูรอน ซึ่งแสดงออกมาในรูปแบบของผื่นแดง บวม หรือมีอาการคล้ายอักเสบ ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
ไฮยาลูรอนแบบทา กับแบบฉีด ต่างกันอย่างไร?
- แบบทา พบได้ในสกินแคร์ทั่วไป มีโมเลกุลหลายขนาด เพื่อซึมเข้าสู่ผิวในระดับต่างๆ เหมาะกับการให้ผิวชุ่มชื้น แต่ไม่สามารถเติมเต็มร่องลึกหรือเปลี่ยนโครงสร้างผิวได้
- แบบฉีด เป็นการนำ HA เข้าไปสู่ชั้นลึกของผิวโดยตรง เพื่อเพิ่มปริมาตรในจุดที่ต้องการ ต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น เพราะต้องใช้ความรู้ด้านโครงสร้างผิวและเส้นเลือด
ข้อดีของไฮยาลูรอน หากใช้ อย่างถูกวิธี
- เติมเต็มร่องลึกได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- คืนความชุ่มชื้นให้ผิว
- เสริมมิติของใบหน้า
- สลายได้เอง ไม่ตกค้างในร่างกาย
- เห็นผลรวดเร็ว และดูอ่อนโยนต่อผิว
ข้อควรระวังหากจะฉีดไฮยาลูรอน หรือเข้าโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์
หลีกเลี่ยงบริการราคาถูกเกินจริง หรือไม่มีข้อมูลผลิตภัณฑ์
- ควรตรวจสอบว่าคลินิกใช้ไฮยาลูรอนที่สามารถ “สแกนตรวจสอบได้”
- ฟิลเลอร์ที่ดี ควรมาพร้อมกล่องที่ปิดผนึก ไม่ใช่นำมาแบบ แกะกล่องแล้ว เพราะกล่องอาจเป็นของแท้ แต่ตัวฟิลเลอร์อาจปลอมได้
- ไม่ควรฉีดซ้ำบ่อยเกินหรือ ทำตามคำแนะนำจากแพทย์
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดมาก บวมมาก หรือผิวเปลี่ยนสี ควรรีบพบแพทย์ทันที
โปรแกรมฟิลเลอร์ที่ Cosmoprime Clinic
หากคุณกำลังมองหาการดูแลใบหน้าด้วยโปรแกรมฟิลเลอร์แบบใช้ไฮยาลูรอน คุณสามารถเข้ามาปรึกษาที่ Cosmoprime Clinic ได้ เพราะเราจะมีการประเมินปัญหาผิวของคุณก่อนทุกครั้ง และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถสแกน QR Code ได้จริง ไม่เพียงแค่การเลือกผลิตภัณฑ์ แต่ทุกขั้นตอนจะดูแลโดย แพทย์ผู้ชำนาญการ ที่เข้าใจโครงสร้างผิวและเนื้อเยื่อในแต่ละบริเวณ ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และเหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละคน
บทสรุป ไฮยาลูรอน อันตรายไหม ?
คำตอบคือ “ไม่อันตราย” หากเลือกใช้กับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมาตรฐาน เป็นของแท้ และอยู่ในความดูแลของแพทผู้ชำนาญการ โดยเฉพาะในโปรแกรมฟิลเลอร์ที่เกี่ยวข้องกับการฉีดเข้าสู่ชั้นผิว
หากคุณไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นอย่างไร Cosmoprime Clinic พร้อมให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจด้วยข้อมูลที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความสวยในแบบที่คุณต้องการ หรือความมั่นใจในแบบที่ปลอดภัย