อันตรายจากฟิลเลอร์ที่ควรรู้
(Soft tissue filler complication)
ในปัจุบันการใช้ฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มใบหน้า ฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ หรือ เติมในส่วนอื่นๆของร่างกาย เป็นที่นิยมอย่างมาก สามารถเห็นได้จากคลินิกความงามหลายๆแห่งโฆษณาสารเติมเต็มชนิดนี้ นอกจากความสวยงามที่ฟิลเลอร์มอบให้แล้ว
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลายๆท่านที่กำลังตัดสินใจฉีดสารเติมเต็ม ยังกลัวกับการฉีดฟิลเลอร์อยู่ เนื่องจากตามข่าวเรายังสามารถพบได้ว่า มีบางท่านที่โชคร้ายได้รับผลกระทบจากการฉีดสารชนิดนี้
บทความนี้เราจะมาพูดถถึงผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการฉีดฟิลเลอร์กันค่ะ
ผลข้างเคียง (Complication) ที่พบได้มีดังต่อไปนี้
1.อาการบวมแดง เขียวบริเวณที่ฉีด (Injection site reaction)
เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด สามารถหายเองได้ ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละท่าน โดยส่วนมากมักมีอาการช้ำประมาณ 7-14 วัน
2. ติดเชื้อ (Infection)
พบเจอได้แต่ไม่บ่อยนัก ก่อนทำการฉีดแพทย์มักจะสำรวจบริเวณที่ฉีดว่ามีอาการติดเชื้ออยู่หรือไม่ และ ลูกค้าเคยมีประวัติติดเชื้อเริมบริเวณที่ฉีดมาก่อนไหมเนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์สามารถไปกระตุ้นให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้
โดยส่วนใหญ่การติดเชื้อมักเกิดจากการที่มีเชื้อแบคทีเรียอยู่บนผิวหนัง แล้วเจ้าแบคทีเรียนี้สามารถผ่านลงไปในแผลได้จากรูเข็มที่เราเจาะผ่านผิวหนัง เพราะฉะนั้นควรเลือกคลินิกที่สะอาด สังเกตุดูวันหมดอายุที่กล่องฟิลเลอร์ทุกครั้งก่อนฉีด และ ใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
ref:https://www.visage-aesthetics.com/httpwww-visage-aesthetics-comp1396/
อาการหลังการติดเชื้อที่พบได้คือ บริเวณที่ฉีดบวมแดง ร้อน มีไข้ มีก้อนแดงๆ หรือเป็นหนองขึ้นบริเวณที่ฉีด
การรักษา ให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อแบบเม็ด หรือให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อทางหลอดเลือด
3. อาการแพ้ฟิลเลอร์ (Allergies and hypersensitives)
Hyaluronic acid filler อาการที่พบได้คือเป็นก้อน บวมแดงขึ้นหลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน ตัวก้อนจะสามารถยุบไปเองได้และสามารถบวมแดงขึ้นมาใหม่ได้ตามสภาพร่างกาย
การรักษา ทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ออก หรือ รอจนกว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดจะสลายตัวไปเอง
ref: https://www.dovepress.com/delayed-hypersensitivity-reaction-to-hyaluronic-acid-dermal-filler-fol-peer-reviewed-fulltext-article-CCID
4. ฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือด (Vascular complication)
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่แพทย์ผิวหนังทุกคนกลัวคือ การที่ฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันเส้นเลือด จากภาพเราจะเห็นได้ว่าเส้นเลือดบริเวณใบหน้านั้นมีเยอะมากมายและ แต่ละเส้นสามารถเชื่อต่อกันได้ทั้งหมด การใช้เข็มเจาะเข้าบริเวณใบหน้าเราไม่สามารถทราบได้เลยว่าปลายเข็มจะอยู่ตรงเส้นเลือดหรือไม่ เพราะมนุษย์เรามีความแตกต่างกัน มีการศึกษาพบว่า เส้นเลือดหลัก ที่เชื่อมโยงไปยังตานั้น มีลักษณะแตกต่างกันได้หลายแบบ
ซึ่งอันตรายจากการที่ฉีดสารเติมเต็มไม่ว่าจะเป็น ฉีดไขมัน หรือเติมฟิลเลอร์ นั่นคือการที่สารเติมเต็มไปอุดตันเส้นเลือด สามารถทำให้เกิดการเน่าตายของเนื้อเยื่อ หรือ สามารถทำให้ตาบอดได้เลยทีเดียว สาเหตุที่ทำให้ตาบอด นั้น เกิดจากการที่ จอประสาทตา ขาดเลือดไปเลี้ยง โดยบริเวณที่อันตรายที่สุดคือตำแหน่ง หน้าผาก และ จมูก
จากภาพจะเห็นได้ว่าเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณจมูกและหน้าผาก เชื่อกับเส้นเลือดรอบดวงตา
ref:https://jkms.org/search.php?where=aview&id=10.3346/jkms.2014.29.S3.S176&code=0063JKMS&vmode=PUBREADER#!po=31.2500อาการที่พบได้คือ มีอาการเปลี่ยนสีของผิวหนัง มีสีผิวของเนื้อตาย – ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บ ปวด หลังจากที่ฉีดฟีลเลอร์เสร็จไปแล้ว- ผิวหนังบริเวณที่ฉีด จะมีสีซีด ในช่วงแรก ต่อมา จะเริ่มแดงม่วงเมื่อทิ้งไว้นานขึ้น จะกลายเป็นเนื้อตายสีดำ มีตุ่มหนอง และมีแผลการรักษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือผ่านการเทรนนิ่งมาอย่างดี จะทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ หรือ ส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่สามารถให้การรักษาได้ทันท่วงทีดังนั้นเมื่อท่านตัดสินใจไปทำการฉีดฟีลเลอร์แล้ว ควรจะต้องสังเกตอาการตัวเองให้ดี ถ้ามีอาการผิดปกติ ต้องไปรีบพบแพทย์ที่ทำการฉีดฟีลเลอร์ให้เร็วที่สุดซึ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น การอุดตันเส้นเลือด ผิวหนัง และตา ไม่สามารถรอให้เกิดภาวะขาดเลือดได้นาน จึงเป็นความเสี่ยงสูงมาก การหาข้อมูลเลือกคลินิกที่ไว้ใจได้ สินค้าที่ผ่านอย.ไทย และ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญในการลดอัตราการเกิดผลอันไม่พึงระสงค์นี้ อ่านเรื่อง การป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการฉีดฟีลเลอร์